ตามแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน หลังจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาท/ลิตร สำหรับอุดหนุนราคาขายปลีกดีเซลในประเทศที่จะสิ้นสุดลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) จะหารือให้ได้ข้อสรุปที่มีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า
“ขณะนี้กองทุนชำระหนี้ให้ผู้ค้ามาตรา 7 ไปแล้วประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาทที่ใช้เงินอุดหนุนราคาดีเซลไปก่อนหน้านี้ทำให้เหลือเงินกู้อีกประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท ที่สามารถนำมาใช้อุดหนุนราคาน้ำมันได้จากเงินกู้ที่บรรจุเป็นหนี้สาธารณะแล้ว 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งอย่างน้อยน่าจะเพียงพอที่ช่วยรักษาเสถียรภาพราคาดีเซลไว้ได้ประมาณ 1-2 เดือน หรือจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่อาจเป็นช่วงเดือนตุลาคมก็ได้ บนสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 85-87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือไม่เกิน 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดีเซลสำเร็จรูปไม่เกิน 93 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยยังเหลือวงเงินกู้ที่ยังไม่บรรจุเป็นหนี้สาธารณะอีกประมาณ 4 หมื่นล้านบาท จากกรอบวงเงินกู้ทั้งสิ้น 1.5 แสนล้านบาท”