นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า กรมฯเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2560) ที่กำหนดไว้ว่าก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชน โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนประมาณ 150 คน
สำหรับการประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติร่วมกับศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำเนินการการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตลอดจนกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง โดยจากผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ พบว่า บางหมวด บางมาตรา ของพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมและสภาพการดำเนินงานในปัจจุบัน รวมถึง
แนวโน้มความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอีกทั้งยังมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานเนื่องจากข้อกำหนดต่างๆ ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องจึงนำมาสู่การแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ในครั้งนี้ โดยสาระสำคัญของการแก้ไขและพัฒนากฎหมายประกอบด้วย 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. การสร้างความต่อเนื่องในการประกอบกิจการปิโตรเลียม 2. หน้าที่เกี่ยวกับการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในการประกอบกิจการปิโตรเลียม 3. การสร้างแรงจูงใจในการลงทุนเพื่อประกอบกิจการปิโตรเลียม 4. การพัฒนาองค์กร หน้าที่ และอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายและบทกำหนดโทษ และ 5. การกำกับดูแลธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่
“การแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียมในครั้งนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้กฎหมายดังกล่าว คาดหวังว่าจะเป็นไปเพื่อมุ่งประโยชน์ในการส่งเสริมให้การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกด้านทั้งในด้านการดึงดูดให้มีการลงทุนด้วยมาตรการต่างๆ ในขณะที่รัฐยังได้รับผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล การเพิ่มเติมแก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการปิโตรเลียม อธิบดี และรัฐมนตรีเพื่อให้การปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมมีความคล่องตัว และบรรลุวัตถุประสงค์สูงสุด รวมทั้งในแง่ของความต่อเนื่องในการผลิตที่ดำเนินการอยู่แล้วให้สามารถดำเนินการต่อได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยประเทศในด้านการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนต่อไป” นายสราวุธกล่าว''
แนวหน้า :https://www.naewna.com/business/751931