ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ชาติและสหราชอาณาจักร ประกาศมาตรการแซงก์ชั่นรัสเซีย เพื่อลงโทษต่อการบุกยูเครนระลอกล่าสุดออกมาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2023 ด้วยการห้ามนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจากรัสเซีย
พร้อมกันนั้นก็กำหนดเพดานราคาน้ำมันดีเซล, น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน, และน้ำมันเบนซิน ไว้ที่ไม่เกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาตรการลงโทษที่ดำเนินไปพร้อม ๆ กันครั้งนี้ ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในกรณีของน้ำมันดีเซล ว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันชนิดเดียวกันนี้แพงขึ้นทั่วโลกหรือไม่ เพราะจะส่งผลให้ต้นทุนสินค้าในประเทศต่าง ๆ แพงขึ้น และทำให้ภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มจะสร่างซาลงกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในแวดวงตลาดน้ำมันโลกเชื่อว่า ในระยะแรกอาจส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปพุ่งขึ้นอยู่บ้าง แต่หลังจากตลาดปรับตัวได้แล้ว ราคาก็จะน่าจะลดลงมาอยู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมแต่อย่างใด
ด้วยเหตุผลที่ว่า “มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมัน” ที่ว่านี้ ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้การแซงก์ชั่นต่อน้ำมันรัสเซีย ซึ่งจะทำให้น้ำมันปริมาณมหาศาลหายไปจากตลาด ส่งผลให้ราคาน้ำมันทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นจนชาติตะวันตกและนานาประเทศเดือดร้อนไปตาม ๆ กันนั่นเอง
และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาตรการนี้ถูกประกาศใช้ แต่พันธมิตรตะวันตกเคยประกาศเพดานราคาน้ำมันดิบของรัสเซียไว้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มีผลบังคับใช้ไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี่เอง แล้วก็ได้ผลไม่น้อย
ประชาชาติธุรกิจ :https://www.prachachat.net/world-news/news-1197462