กระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงมติ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) 7 มีนาคม 2566 กำหนดราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (กก.) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน 2566 คือครบกำหนดตรึงราคาสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ว่า ขณะนี้รัฐบาลรักษาการทำให้กบง. ไม่สามารถพิจารณาการเปลี่ยนแปลงมาตรการได้ แต่ผู้บริหารเห็นว่าทาง คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ดูแลความมั่นคงน้ำมันและแอลพีจี มีกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะพิจารณาเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนได้ กบน.จึงกำลังพิจารณารายละเอียดคาดว่าจะพิจารณาแนวทางต้นสัปดาห์หน้า แหล่งข่าว กล่าวว่า ขณะนี้ราคาแอลพีจีตลาดโลกเดือนมิถุนายน 2566 อยู่ที่ 445 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคมถึง 110 เหรียญต่อตัน ทำให้กองทุนน้ำมันฯอุดหนุนแอลพีจีเพียง 0.17 บาทต่อกก. ขณะที่บัญชีติดลบ 46,122 ล้านบาท จากภาพรวมกองทุนน้ำมันฯติดลบ 60,189 ล้านบาท ที่เหลือเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 14,077 ล้านบาท ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2566
นายนรุตม์ ภัทรชัยพร นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กล่าวว่า มาตรการตรึงราคาแอลพีจีใกล้สิ้นสุดลง คาดหวังกระทรวงพลังงานจะต่ออายุมาตรการดังกล่าวออกไปเพื่อดูแลค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งปัจจุบันต่อยอดจำหน่ายแอลพีจีภาคครัวเรือนลดลงประมาณ 3-5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้จากนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย 14 ล้านคนผ่านส่วนลดซื้อแอลพีจี 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ถือเป็นมาตรการดูแลอีกส่วนหนึ่ง ปัจจุบันประชาชนที่ถือบัตรจะใช้วิธีรวมบัตรหลายใบแล้วซื้อ 1 ถัง อาทิ ครอบครัวมีบัตร 3 ใบ นำ 3 ใบมาลดแอลพีจีรวม 240 บาท เมื่อซื้อ 1 ถัง 423 บาท จะจ่ายเพิ่ม 183 บาทเท่า มีเงื่อนไขต้องแสดงตัวตอนซื้อเท่านั้น
มติชน :https://www.matichon.co.th/economy/news_4039513
กรุงเทพธุรกิจ :https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1074469
ผู้จัดการ :https://mgronline.com/business/detail/9660000056287