กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิตเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน จากปีงบประมาณ 2566 เพื่อเป็นวงเงินเพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาอุดหนุนส่วนลดราคาในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ตามมาตรการอีวี 3.0 ที่อุดหนุนส่วนลดในการซื้อรถอีวี ไม่เกินคันละ 150,000 บาท หลังจากที่ ครม.ได้อนุมัติวงเงินไปก่อนหน้านี้ 3,000 ล้านบาท เพื่อใช้อุดหนุนราคาจำหน่ายรถอีวีในประเทศกำลังจะหมดลงภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ความต้องการซื้อรถอีวีของประชาชนไม่สะดุด
อย่างไรก็ตาม หาก ครม.ให้ความเห็นชอบ ก็ต้องส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาอนุมัติ ซึ่งแนวโน้มที่ กกต.จะอนุมัติก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากมาตรการนี้เป็นมาตรการที่มีความต่อเนื่องไม่ใช่โครงการใหม่ที่จะกระทบการบริหารงานของรัฐบาลหน้า โดยมาตรการ อีวี 3.0 จะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.2566 แต่วงเงินที่ใช้ในการอุดหนุนส่วนลดในการซื้อรถอีวีจะหมดลงตั้งแต่เดือน ก.ย. เนื่องจากก่อนหน้านี้มีประชาชนสนใจซื้อรถอีวีเป็นจำนวนมาก โดยกรมสรรพสามิตกำลังคำนวณว่าจะขอเท่าใด เบื้องต้นประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ขึ้นอยู่กับจำนวนรถอีวีที่จะมาขอรับการอุดหนุนภายในปี 2566 ด้วย
สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้ และผลิตรถอีวีที่เป็นชุดมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการเดิมในชุด มาตรการ EV3.5 ที่มีทั้งการอุดหนุนส่วนลดให้กับผู้ซื้อรถอีวีคันละไม่เกิน 100,000 บาท รวมทั้งมาตรการสนับสนุนทางการเงินให้แก่บริษัทที่จะลงทุนในโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์อีวีในประเทศไทย จะต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณา โดยคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เตรียมจะเสนอแพ็กเกจนี้ให้ ครม.ชุดใหม่พิจารณาเห็นชอบเพื่อเป็นมาตรการที่จะส่งเสริมการใช้และผลิตรถอีวีในประเทศไทยต่อไป
ไทยรัฐ :https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ/2716432
กรุงเทพธุรกิจ :https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1082989

